ในจังหวัดพิจิตร, สถานการณ์ราคาข้าวเปลือกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในวันที่ 25 มีนาคม 2567, ราคาได้แสดงถึงการลดลงอย่างชัดเจน จากเดิมที่ราคาข้าวหลังหักความชื้นอยู่ที่ตันละ 11,000-12,000 บาท ได้ลดลงมาอยู่ที่ 9,800 บาทต่อตันในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลดลงอย่างมาก และนี่ยังไม่รวมถึงข้าวเปลือกในกลุ่มของข้าวเบอร์จากเวียดนามที่มีราคาตกไปถึง 8,000 บาทต่อตัน ในขณะที่ราคาข้าวไทยในสายพันธุ์ข้าว กข ยังคงอยู่ที่ตันละ 10,400 บาท นายปรีชา วงศ์ทองคำ, เกษตรกรจากตำบลปากทาง, อำเภอเมือง, จังหวัดพิจิตร, ได้เปิดเผยถึงความยากลำบากที่เกิดขึ้นจากการลดลงของราคาข้าวเปลือก พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือโดยการลดราคาปุ๋ยและยา ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการเกษตร นอกจากนี้ยังต้องการให้มีหน่วยงานที่จะคอยตรวจสอบการรับซื้อข้าวจากโรงสี เพื่อให้มั่นใจว่าการซื้อขายเป็นไปในราคาที่เป็นธรรม สถานการณ์นี้ยังทำให้ชาวนาในพื้นที่ต้องเร่งเก็บเกี่ยวข้าว เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าจะมีฝนตก ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพของข้าวที่เก็บเกี่ยว อีกทั้งช่วงกลางวันของพื้นที่จังหวัดพิจิตรยังมีอากาศที่ร้อนจัด ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่อการเกษตรกรรม การลดลงของราคาข้าวเปลือกนี้ยังแตกต่างจากการประกาศของรัฐบาลที่ว่าเป็นช่วงที่ราคาข้าวพุ่งขึ้นสูงสุด สะท้อนให้เห็นถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่างสถานการณ์จริงในพื้นที่กับข้อมูลจากรัฐบาล ชาวนาจึงเผชิญกับความท้าทายในการจัดการกับต้นทุนการผลิตที่ยังคงสูง แม้ราคาขายผลผลิตจะลดลง การลดลงอย่างต่อเนื่องของราคาข้าวเปลือกในจังหวัดพิจิตรนับเป็นตัวอย่างของความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่เกษตรกรต้องเผชิญ ซึ่งยังรวมถึงปัจจัยจากสภาพอากาศและต้นทุนการผลิต เช่น ปุ๋ยและยา ที่ไม่ได้ลดลงตามสถานการณ์ราคาข้าว การเรียกร้องของนายปรีชาและเกษตรกรอื่นๆ ที่ต้องการให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือไม่ใช่เพียงแค่การแทรกแซงเรื่องราคา แต่ยังรวมถึงการลดต้นทุนการผลิตและการปรับปรุงกระบวนการจำหน่ายผลผลิต เพื่อให้มั่นใจว่าชาวนาสามารถทำกำไรจากการเพาะปลูกและมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาวได้ จากสถานการณ์ดังกล่าว มันชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการมีการสื่อสารและความร่วมมือที่ดีขึ้นระหว่างรัฐบาลและเกษตรกร เพื่อแก้ไขและตอบสนองต่อความต้องการและความท้าทายที่เกษตรกรเผชิญอยู่อย่างแท้จริง […]