รัฐบาลภายใต้การนำของแพทองธาร กำลังเผชิญกับความท้าทายในการรักษาความมั่นคงของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะในประเด็นนโยบายกัญชาของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งต้องดำเนินการต่อไป ขณะที่พรรคเพื่อไทยยังไม่สามารถผลักดันกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดได้ ล่าสุด มีการยกร่าง พ.ร.บ.กัญชาฉบับใหม่ที่เน้นการใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และเศรษฐกิจ โดยรายงานจาก “สำนักข่าวอิศรา” ระบุถึงข้อจำกัดที่เข้มงวดในการใช้และปลูกกัญชา รวมถึงบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืน กฎหมายใหม่กำหนดให้มีคณะกรรมการควบคุมการใช้กัญชา ภายใต้การดูแลของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และกำหนดเกณฑ์การขออนุญาตปลูกกัญชาตามขนาดพื้นที่ รวมถึงการห้ามขายกัญชาให้แก่บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ และในพื้นที่หวงห้าม เช่น วัด โรงเรียน หรือสวนสาธารณะ นอกจากนี้ ยังมีบทลงโทษที่เข้มงวดสำหรับผู้ที่ลักลอบนำเข้ากัญชา โฆษณาเพื่อจูงใจการสูบ หรือขายกัญชาในลักษณะที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการห้ามขับขี่ยานพาหนะภายใต้สภาวะเมากัญชา #ข่าวทั่วไป
ข่าวดีสำหรับคู่รักชาว LGBTQIA+ ในไทย สภาผู้แทนราษฎรไธยผ่านร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567, ที่อาคารรัฐสภา, การประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่นำโดยนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน, ประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2, ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับสมรสเท่าเทียมของกลุ่มหลากหลายทางเพศ ซึ่งเสนอโดยคณะรัฐมนตรี ผลการลงมติในวาระที่ 3 ปรากฏว่ามีสมาชิกสภาเห็นด้วย 399 เสียง, ไม่เห็นด้วย 10 เสียง, งดออกเสียง 2 เสียง, และไม่ลงคะแนน 3 เสียง, ทำให้ร่างกฎหมายได้รับการผ่านมติอย่างท่วมท้น ประเทศไทยจึงกลายเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ส่งเสริมสิทธิสมรสเท่าเทียมอย่างเต็มรูปแบบ และเป็นประเทศที่สามในเอเชีย ตามหลังไต้หวันและเนปาล สิทธิประโยชน์จากสมรสเท่าเทียม การผ่านร่างพ.ร.บ.สมรสเท่าเทียมจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสังคมไทย เปิดทางให้กลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIA+) ไม่ว่าจะเป็นเพศไหนก็ตาม ได้สมรส จดทะเบียนสมรส และเข้าถึงสวัสดิการจากรัฐที่เท่าเทียมกับคู่รักเพศตรงข้าม ด้วยการใช้ถ้อยคำที่เป็นกลางทางเพศ เช่น การเปลี่ยนจาก “สามี-ภรรยา” เป็น “คู่สมรส”, จะช่วยสร้างความเท่าเทียมและความเคารพในความหลากหลายทางเพศ สิทธิประโยชน์หลักที่ได้รับจากการผ่านกฎหมายนี้ รวมถึง การรับรองคู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมายไม่จำกัดเฉพาะชาย-หญิง สิทธิหมั้น, จดทะเบียนสมรส, จัดการทรัพย์สินร่วม, และรับมรดก […]
ผ่านกฎหมายบังคับให้แบน TikTok จากสภาผู้แทนฯ สหรัฐ
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกาได้มีการลงมติอย่างท่วมท้นด้วยเสียง 352 ต่อ 65 เสียง เพื่อสนับสนุนร่างกฎหมาย “Protecting Americans from Foreign Adversary Controlled Applications Act” หรือ กฎหมายเพื่อปกป้องชาวอเมริกันจากแอปพลิเคชันที่ควบคุมโดยปรปักษ์ต่างชาติ. หลักการหลักของกฎหมายนี้คือการกำหนดให้มีการถอดแอปพลิเคชันภายใต้บริษัท ‘ไบต์แดนซ์’ (ByteDance) ออกจาก App Store และ Web hosting ในสหรัฐอเมริกา หากไม่สามารถแยกตัวออกจากไบต์แดนซ์ภายใน 6 เดือน จะถูกแบนในสหรัฐฯ. (TikTok) ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ถูกกล่าวถึงอย่างมาก มีผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกามากกว่า 170 ล้านบัญชี และด้วยการที่ติ๊กต่อกอยู่ภายใต้บริษัทสัญชาติจีนอย่างไบต์แดนซ์ ทำให้นักการเมืองสหรัฐฯ มองว่าติ๊กต่อกเป็นเครื่องมือของรัฐบาลจีนในการล้วงความลับและข้อมูลของสหรัฐฯ. เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่ได้รับความสนใจจากทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความตึงเครียดระหว่างสองมหาอำนาจ. ดร.จารุพล เรืองสุวรรณ, อาจารย์ประจำสถาบันการทูตและการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ ได้ให้ความเห็นว่า สถานการณ์ปัจจุบันมีหลายมิติ ที่ล้วนเกี่ยวข้องกับ ‘ความมั่นคง’. ดร.จารุพล ระบุว่า ข้อมูลออนไลน์เป็นเรื่องสำคัญที่นำไปสู่ความอ่อนไหวและความเปราะบาง สหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่พึ่งพาเทคโนโลยีมาก มองเห็นทั้งด้านบวกและลบของโลกไซเบอร์ […]