การแก้กฎหมายเพื่อให้ต่างชาติเช่าที่ดินได้ยาวนานถึง 99 ปี และสามารถถือครองอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบห้องชุดได้ถึง 75% กลายเป็นประเด็นที่ยังคงร้อนแรงในสังคมไทย แม้จะมีความพยายามของฝ่ายค้านที่เคยตั้งกระทู้ถามกลางที่ประชุมสภาฯ เพื่อเร่งรัดการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว แต่ก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจากรัฐบาล ส่งผลให้คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) และภาคประชาชนต้องออกมาแสดงการคัดค้านต่อนโยบายนี้
รศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว จากคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ม.บูรพา เตือนถึงความเสี่ยงที่นโยบายนี้อาจก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน โดยชี้ว่าหากรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาการเข้าถึงที่ดินและที่อยู่อาศัย ก็ควรคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนคนยากจนที่ยังไม่มีโอกาสเข้าถึงที่ดินและที่อยู่อาศัยเป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตาม นโยบายที่ถูกอ้างว่าเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยการเปิดให้ต่างชาติเข้ามาถือครองอสังหาริมทรัพย์ กลับถูกตั้งคำถามว่าใครคือผู้ได้รับประโยชน์ที่แท้จริง
รศ.ดร.โอฬาร ยังได้ชี้ให้เห็นว่าการเปิดให้ต่างชาติสามารถเช่าที่ดิน 99 ปี และถือครองอสังหาริมทรัพย์ได้ถึง 75% อาจเป็นการขับเคลื่อนนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนธุรกิจทางการเมือง และอาจทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อนในระดับสูง จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของคนไทยเป็นหลัก เนื่องจากนโยบายนี้อาจกลายเป็นการยึดครองที่ดินและอสังหาริมทรัพย์โดยกลุ่มทุนต่างชาติในระยะยาว
ก้องศักดิ์ สหะศักดิ์มนตรี อนุกรรมการด้านอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย สภาองค์กรของผู้บริโภค ได้เผยว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยมีความกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากนโยบายนี้ โดยเสนอให้มีการกำหนดข้อจำกัดและเงื่อนไขในการให้ต่างชาติเช่าที่ดินและถือครองห้องชุด เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในไทยอย่างไม่เป็นธรรม
ในอดีต การแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการถือครองที่ดินโดยต่างชาติเคยเกิดขึ้นในช่วงรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีการขยายการถือครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดคอนโดมิเนียมให้ต่างชาติจาก 49% เป็น 70% แต่ก็ถูกคัดค้านจากสังคมอย่างรุนแรง สุดท้ายนโยบายนี้ก็ถูกยกเลิกไป
ปัจจุบัน รัฐบาลใหม่ได้สั่งให้กระทรวงมหาดไทยศึกษาการแก้ไขกฎหมายเพื่อขยายเวลาให้ต่างชาติถือครองอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยยาวขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่ข้อครหาว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนธุรกิจการเมืองหรือไม่ สังคมไทยจึงจำเป็นต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการยึดครองที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในลักษณะที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติและสิทธิของประชาชนไทยในระยะยาว
#ข่าวทั่วไป