เด้ง ผกก. เซ่นเรือน้ำมันเถื่อน จ่อสอบเชือดซ้ำ ม.157-147 ไล่ล่า 3 ลำ แล่นหนีซุกเขมร

เด้ง ผกก. เซ่นเรือน้ำมันเถื่อน จ่อสอบเชือดซ้ำ ม.157-147 ไล่ล่า 3 ลำ แล่นหนีซุกเขมร

เด้งกลางอากาศ “ผกก.5 บก.รน.” พร้อมลูกน้อง 4 นาย เข้า ศปก.บช.ก. ขาดจากตำแหน่งเดิม

ในการนำ “รองเต่า” ตรวจสอบจุดเกิดเหตุบริเวณท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี พบว่าเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำ พร้อมน้ำมันของกลางรวม 330,000 ลิตร หายไป ซึ่ง “บิ๊กก้อง” สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเพื่อเอาคนผิดมาลงโทษ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือคนธรรมดา การไล่ล่าจับกุมประสานกับทหารเรือและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปิดอ่าวไทย ระดมค้นหาเรือของกลางทั้งทางน้ำและทางอากาศ โดยเชื่อว่ากำลังมุ่งหน้าไปประเทศกัมพูชา

กรณีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนขนาดใหญ่ 3 ลำหาย

เรือที่หายประกอบด้วย:

  1. เรือ เจ.พี. พร้อมน้ำมันเถื่อน 80,000 ลิตร ลูกเรือ 7 คน
  2. เรือซีฮอต พร้อมน้ำมันเถื่อน 150,000 ลิตร ลูกเรือ 6 คน
  3. เรือดาวรุ่ง พร้อมน้ำมันเถื่อน 100,000 ลิตร ลูกเรือ 5 คน

รวมทั้งหมด 330,000 ลิตร ซึ่งหายไประหว่างจอดเทียบท่ารอการดำเนินคดีที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เบื้องต้นเชื่อว่าถูกเจ้าหน้าที่ร่วมกับขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนลักลอบขับเรือออกไป

ความคืบหน้าที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี

เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 13 มิ.ย. พล.ต.ท.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ จเรตำรวจ (สบ. 8) พร้อมด้วย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เดินทางมาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมี พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน. และ พ.ต.ท.กอบชัย โตอ่อน สว.ส.รน.3 กก.5 บก.รน. สถานีตำรวจน้ำสัตหีบ ให้ข้อมูลและชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนที่สนใจรายงานข่าว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เปิดเผยว่า

หลังเกิดเหตุ ผบช.ก. สั่งการให้ตั้งคณะทำงานดูแลเรื่องนี้ โดยมี บก.ป. และ บก.ปปป. ร่วมดำเนินการสืบสวนสอบสวนติดตามตัวผู้กระทำความผิด เชื่อว่ามีผู้บงการสั่งการอยู่เบื้องหลัง เรือทั้ง 3 ลำที่ถูกโจรกรรมเป็นเรือผิดกฎหมายไม่มีทะเบียนเรือทั้งหมด น้ำมันของกลางอยู่ในลำเรือรวม 330,000 ลิตร เชื่อว่าผู้เป็นเจ้าของตัวจริงคือ “เสี่ยโจ้” อยู่ระหว่างสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ขณะนี้พร้อมดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุหรือเจ้าหน้าที่รัฐ

การค้นหาเรือของกลางที่หลบหนี

คาดว่าเรือทั้ง 3 ลำจะหลบหนีมุ่งหน้าไปทางจังหวัดตราดข้ามไปยังฝั่งชายแดนประเทศกัมพูชา น่านน้ำกัมพูชาห่างจากชายฝั่งอำเภอสัตหีบจุดเกิดเหตุประมาณ 240 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 ชม. ยังไม่มีรายงานการพบเรือที่หลบหนี

การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

สถานีตำรวจน้ำ 3 ชุดที่รับมอบหมายให้ดูแลของกลางยอมรับว่ามีความบกพร่อง ผู้ที่ละเลยไม่ปฏิบัติตามจะเข้าข่ายมาตรา 157 แต่หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องจะเข้าข่ายความผิดมาตรา 147 ล่าสุดจะมีการออกคำสั่งให้ 5 นายตำรวจ ย้ายไปปฏิบัติราชการเพื่อรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น

พ.ต.อ.อินทรัตน์ ปัญญา ผกก.5 บก.รน. เปิดเผยว่า

เรือ 3 ลำที่ยึดเป็นของกลางในคดีเป็นคดีของพนักงานสอบสวน บช.ก. และกรมสรรพสามิต บางลำไม่มีทะเบียนเรือ พบว่าเรือทั้ง 3 ลำมีเจ้าของเดียวกัน การจับกุมเรือบรรทุกน้ำมันทั้ง 5 ลำ มีการขนถ่ายน้ำมันกลางทะเลในฝั่งออกทะเลอันดามัน เพื่อนำเข้ามาในราชอาณาจักร

การค้นหาทางน้ำและทางอากาศ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานกองทัพเรือและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมกำลังค้นหาเรือของกลางทั้ง 3 ลำในน่านน้ำอ่าวไทย จ.ระยอง และ จ.ตราด แต่ยังไร้วี่แวว

ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ลงนามในคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.รน. จำนวน 4 นาย ย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ศปก.บช.ก.) ขาดจากต้นสังกัดเดิม มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า

สั่งการให้ ผบช.ก. ตรวจสอบเหตุการณ์เรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำหาย เชื่อมโยงกับขบวนการค้าของเถื่อนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

การตรวจสอบข้อเท็จจริง

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. และ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.2 บก.ป. ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่ามีเจ้าหน้าที่ 2-3 นายส่อเค้าบกพร่องต่อหน้าที่ อยู่ระหว่างตรวจสอบ หากพบหลักฐานจะดำเนินคดีตามมาตรา 157

การสอบสวนลูกเรือ

พนักงานสอบสวน บก.ปอศ. จะเรียกกลุ่มลูกเรืออีก 2 ลำที่ไม่ได้หลบหนีเข้าพบเพื่อให้ปากคำ และหากพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีต่อไป

#ข่าวทั่วไป

Back To Top